บึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี (ดูภาพด้านล่าง)
บึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ บึงที่ไม่ได้เป็นแค่บึง บึงฉวากเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจของจังหวัดสุพรรณบุรีที่ไม่ห่างไกลจาก กทม.มากนัก เส้นการเดินทางก็สุดแสนจะสะดวก ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงเท่านั้นก็มาถึง บางท่านที่รู้จักบึงฉวากเฉลิมพระเกียรติอยู่แล้วก็อาจจะไม่สงสัยว่าทำไมทีมงาน ท่องเที่ยวดอทคอมของเราถึงบอกว่า บึงฉวากเป็นบึงที่ไม่ได้เป็นแค่บึงเท่านั้น แต่สำหรับท่านที่ยังไม่ทราบเดี๋ยวทางทีมงานของเราจะกล่าวถึงในลำดับต่อไป
เริ่มตั้งแต่เมื่อจอดรถที่ลานจอดรถ จะมองเห็นบึงน้ำขนาดใหญ่ ภายในมีเรือนำเที่ยวชม และเรือถีบไว้คอยบริการนักท่องเที่ยว แต่ทีมงานของเรายังไม่แวะที่จุดนี้ จึงพากันเดินเลาะไปตามทางเดินริมบึงที่ทางบึงฉวากจัดไว้ให้ เป็นเส้นทางเดินมีหลังคากันแดด กันฝน แต่ถ้าฝนตกหนักลมแรงยังไงก็คงต้องมีเปียกกันบ้างแน่นอน เมื่อเดินไปเรื่อย ๆ ก็จะเข้าสู่ส่วนจัดแสดงที่ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมของเราจะพาไปแวะเป็นแห่งแรกก็คือ อาคารพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ
อาคารพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเดิมที่มีอาคารเดียว แต่ครั้งนี้ที่ทางทีมงานได้เดินทางไปมีอาคารที่สร้างเสร็จสมบูรณ์แล้วแตกต่างจากอาคารแรกคือ มีอุโมงค์ใต้น้ำที่ทอดตัวยาวถึง 8.5 เมตรให้เดินเล่นชมเหมือนเดินอยู่ใต้น้ำทีเดียว แต่ส่วนนี้ต้องเสียค่าเข้าชมเพิ่มเติมจากปกติอีกเล็กน้อย ด้านหน้าอาคารจะมีสระขนาดเล็กสำหรับเครื่องเล่นลูกบอลลอยน้ำยักษ์ที่เด็กตัวเล็ก ๆ สามารถเข้าไปนอนกลิ้งเกลือกภายในลูกบอลที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ เนื่องจากอายุเกินจะเล่นเลยเดินผ่านไปเพื่อเข้าชมอาคารพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ชั้นล่างแบ่งเป็นตู้จัดแสดงสิ่งมีชีวิตในน้ำเช่นตู้กลางชั้นหนึ่งจะมีปลาดาว เต่า ปลาฉลามกบขนาดเล็ก ปลิงต่าง ๆ ให้ชม ด้านข้างจะมีตู้จัดแสดงดอกไม้ทะเล ปะการังรูปแบบต่าง ๆ มากมาย และยังเห็นเป็นตู้ปลาขนาดใหญ่ที่จะมีการแสดงการให้อาหารปลา ที่ทางทีมงานได้เห็นคือเจ้าปลากระเบนตัวใหญ่งับหอยแครงจากมือของนักประดาน้ำที่ให้อาหาร เคี้ยวเสร็จมีการบ้วนเปลือกหอยออกมาอีกต่างหาก ทำให้ทีมงานของเราต้องประหลาดใจกับความสามารถของมันจริง ๆ
|
บรรยากาศบึงฉวาก และความสนุกสนานของเด็ก ๆ ที่เก็บตัวอยู่ในลูกบอล |
|
นกยูงตัวผู้รำแพนหางเรียกร้องความสนใจจากนกยูงตัวเมีย (ภาพขวาสุด) ภายในสวนนกของบึงฉวากฯ |
|
จระเข้กับเต่าเพื่อนกัน (หรือว่า...)ภายในบ่อจรเข้น้ำจืดขนาดใหญ่ |
หลังจากนั้นทีมงานของเราก็พาตัวเองเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นต่อไป ในชั้นนี้จะเป็นตู้เล็กจัดแสดงสัตว์น้ำต่าง ๆ เช่นปูแมงมุม ปลาไหลขนาดจิ๋วที่ชอบมุดตัวอยู่ในทราย กุ้ง ปูแมงมุม และปลาแปลก ๆ มากมายที่บรรยายชื่อไม่หมด เมื่อเดินชมจนครบทุกตู้แล้วก็ลงบันไดเลื่อนเพื่อเข้าสู่อุโมงค์ใต้ทะเล ขณะที่กำลังลงบันไดเลื่อนเมื่อมองไปด้านบนก็จะพบว่าตัวเราเองนั้นค่อย ๆ เคลื่อนตัวเข้าสู่ใต้ท้องน้ำแล้ว และเบื้องหน้าก็เป็นเส้นทางที่ทอดยาวภายใต้สายน้ำ เหมือนห่อหุ้มตัวเราไว้ตรงกลาง เพราะมองไปทางไหนก็มีปลาแหวกว่ายไปทุกด้าน ทั้งปลาตัวยักษ์ไปจนถึงตัวเล็กตัวน้อย เป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจ เมื่อสิ้นสุดอุโมงค์แล้วก็จะเป็นทางเดินวนเพื่อที่จะกลับสู่ทางออกด้านนอก ระหว่างทางก็พบกับบ่อปลาฉลามที่กำลังรอเจ้าฉลามยักษ์กินคนมาอยู่ (ป้ายประกาศติดว่าจะมา 9 กรกฎาคม คาดว่าป่านนี้คงจะมาแล้ว)เมื่อถึงทางออกจะมีร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึกให้เลือกซื้อเป็นของฝากมีทั้งตุ๊กตารูปสัตว์น้ำต่าง ๆ สมุด พวงกุญแจ ฯลฯ
|
อุโมงค์ใต้ทะเล อีกโลกหนึ่งที่จะทำให้คุณหลงมนต์เสน่ห์จนไม่อยากที่จะกลับสู่โลกด้านบนเลยทีเดียว |
|
ปูแมงมุม (ซ้าย) ปลาไหลมอเรย์ (ขวา) และสัตว์น้ำในตู้ปลาสวยงาม ในอาคารพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ |
|
ภาพกลางสาธิตการให้อาหารภายในตู้ปลาขนาดยักษ์ |
|
ปลากระเบน และบรรยากาศภายในชั้นล่างอาคารพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหลังใหม่ที่เป็นระเบียบสวยงาม |
สิ่งที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดก็คือ สวนแสดงสัตว์ต่าง ๆ เหมือนสวนสัตว์ทั่วไปมีสัตว์ต่าง ๆ มากมายให้ชม และยังมีสวนนกที่ปล่อยให้นก และไก่ฟ้า นกยูง บินเพ่นพ่านได้ สิ่งสำคัญที่ไม่ควรลืมคือ ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด (เนื่องจากทีมงานของเราสมาธิจดจ่ออยู่กับการถ่ายรูปมากไปหน่อย ไม่รู้ทำอย่างไรโดนเจ้านกจิกเข้าที่น่องเป็นรอยเล็ก ๆ) ถัดจากสวนนกสวย ๆ แล้ว สำหรับคนที่ชอบสัตว์น่ารักเช่น กระต่ายละก็ไม่ควรพลาด “เกาะกระต่าย” ที่เกาะแห่งนี้จะเต็มไปด้วยกระต่ายนานาชนิด บางตัวก็กินอย่างเดียว บางตัวก็นอนหลับ และบางตัวก็ออกมาเดินเล่นนอกคอกของตัวเองก็มี นอกจากกระต่ายที่มีให้ชมอย่างจุใจแล้ว ยังมีโรงเลี้ยงพ่อพันธุ์แม่พันธุ์กระต่าย และมีจำหน่ายลูกกระต่ายด้วย (เห็นป้ายปิดไว้ แต่ตอนที่ทีมงานมาถึงยังบริเวณนี้เจ้าหน้าที่ได้กลับไปหมดแล้วจึงไม่มีโอกาสได้สอบถาม) ส่วนด้านหลังของเกาะเป็นที่อาศัยของกวางรวมตัวกันเป็นฝูง และเหมือนจะเชื่องมาก ๆ มาขออาหารกินแต่ทีมงานเราไม่มีให้เลยแอบลูบหัวให้กำลังใจแทน (แต่หัว กับตัวมันสาก ๆ ไม่แน่ใจว่าเพราะขนของมันสั้นและแข็งหรือว่ามันไม่ได้อาบน้ำ)
|
อุทยานผักพื้นบ้านที่กว้างขวาง และอุรังอุตังที่เป็นดาราหน้ากล้องประจำวัน |
|
พืชผักอะไรที่อยู่ในอุทยานผักพื้นบ้านนั้นมีแต่ขนาดบิ๊กเบิ้มเท่านั้น คอนเฟริม |
|
กระต่ายน่ารักหลากหลายสายพันธุ์ และเจ้ากวางน้อยที่เดินเพ่นพ่านไม่สนใจคนอื่นบนเกาะกระต่าย |
กลับออกจากเกาะกระต่ายก่อนที่จะกลับที่พักกันก็ได้แวะสถานที่ที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่งของบึงฉวากก็คือ อุทยานผักพื้นบ้าน ภายในอุทยานจัดเป็นสวนมีผักพื้นบ้านนานาชนิด และผลของผักสวนครัวเช่น น้ำเต้า บวบ ก็ขนาดบิ๊กเบิ้มใหญ่เท่าท่อนแขนทีเดียว และยังมีบรรยากาศที่ร่มรื่นเหมาะแก่การเดินชมธรรมชาติภายในสวน และที่เที่ยวสุดท้ายที่ไม่ควรลืมไปเยี่ยมชมคือ บ่อจระเข้ที่มีจระเข้จำนวนมากมารวมตัวกันอยู่ภายในบ่อ แต่ขนาดของตัวไม่ใหญ่เท่าจระเข้ที่ฟาร์มจระเข้ เนื่องจากจระเข้น้ำจืดจะมีขนาดเล็กกว่าจระเข้น้ำเค็ม
|
บรรยากาศยามเย็นที่กระชังเลี้ยงปลาภายในบึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ |
การเดินทาง (ขอบคุณข้อมูลเส้นทางจาก www.saphanburi.go.th)
การเดินทางโดยรถยนต์
..........เริ่มจากถนนสายตลิ่งชัน – สุพรรณบุรี (ทางหลวงหมายเลข 340) ระยะทางจากกรุงเทพฯ ประมาณ 160 กิโลเมตร เมื่อถึงอำเภอเดิมบางนางบวช สามารถเข้าได้ 2 ทาง คือ
1. บนทางหลวงหมายเลข 340 กิโลเมตรที่ 147 ด้านซ้ายมือ จะมีป้ายทางเข้าบึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ และทางเข้าวัดเดิมบาง ให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนซอยข้างวัด ข้ามแม่น้ำแล้วตรงไปเรื่อยๆ เมื่อถึง สามแยกตัดกับถนนเลียบคลองชลประทานให้เลี้ยวขวาไปตามถนนจนพบ สะพานข้ามคลองชลประทานด้านซ้ายมือให้เลี้ยวซ้ายข้ามสะพานแล้ว ตรงไปเรื่อยๆ จะถึงบึงฉวาก
2. บนทางหลวงหมายเลข 340 กิโลเมตรที่ 151 ด้านซ้ายมือ จะมีป้ายทางเข้าบึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ ให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนข้าม สะพานบึงฉวากแล้วตรงไปเรื่อยๆ เมื่อถึงสามแยกตัดกับถนนเลียบคลอง ชลประทานให้เลี้ยวขวาไปตามถนน จนพบสะพานข้ามคลองชลประทาน ซ้ายมือ ให้เลี้ยวซ้ายข้ามสะพานแล้วตรงไปเรื่อยๆ จะถึงบึงฉวาก
การเดินทางโดยรถโดยสารประจำทาง
สามารถขึ้นรถโดยสารสถานีหมอชิต – ท่าช้าง หรือสถานีรถ สายใต้ – ท่าช้าง แล้วสงที่ อำเภอเดิมบางนางบวช จากนั้นต้องเหมารถ ไปที่บึงฉวากอีกต่อหนึ่ง
|